การประกันภัยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
การประกันภัยภาคบังคับ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า "พ.ร.บ."
การประกันภัยภาคสมัครใจ
การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ.
เป็นการประกันภัยภาคบังคับที่รถทุกคันจะต้องทำ โดย พ.ร.บ. มีชื่อเต็มว่า "พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบ ภัยจากรถ" ซึ่งรัฐบาลได้ออกกฎหมายนี้ขึ้นมาเพื่อบังคับให้รถทุกคันต้องทำประกันภัย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อคุ้มครองผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนที่ประสบอุบัติภัยอันเกิดจากยวดยานพาหนะในท้องถนน โดยมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา ดังนั้นรถทุกคันจึงจำเป็นต้องทำประกัน พ.ร.บ. ซึ่งรวมถึง รถจักรยานยนต์และรถรับจ้างต่างๆ ด้วย
ผู้ที่ได้รับความคุ้มครอง เจ้าของรถ และบุคคลทั่วไปที่ประสบภัยจากรถ
ความคุ้มครอง
1.ผู้ขับขี่
บาดเจ็บ วงเงินรักษาพยาบาลตามจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท
สูญเสียอวัยวะ ,ทุพพลภาพอย่างถาวร หรือ เสียชีวิต 35,000 บาท
รวมกันวงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
2.ผู้โดยสาร หรือ บุคคลภายนอก
บาดเจ็บ วงเงินรักษาพยาบาลตามจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท
สูญเสียอวัยวะ ,ทุพพลภาพอย่างภาวร หรือ เสียชีวิต 200,000 บาท
ชดเชยรายวัน(กรณีนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล) 200 บาท / วัน ไม่เกิน 20 วัน
รวมกันวงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 204,000 บาท
ความคุ้มครอง ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
ความคุ้มครองหลักของกรมธรรม์แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เกี่ยวกับความสูญเสียหรือเสียหายต่อตัว รถยนต์คันที่เอาประกันภัย ตลอดจนอุปกรณีที่ติดประจำรถนั้น เช่น รถชนกับรถหรือวัตถุอื่นใดก็ตาม ถูกโจรกรรม ไฟไหม้ ระเบิด เป็นต้น) และอีกส่วนคือ การคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ขับขี่ ในความเสียหายต่อบุคคลที่สามจากการใช้รถ (เช่น กรณีการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกทั่วไปและผู้โดยสารในรถหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกได้รับความเสียหายจากความประมาทเลินเล่อของผู้ขับรถเอาประกัน ซึ่งอาจเป็นรถยนต์คู่กรณี สะพาน เสาไฟฟ้า บ้านเรือน เป็นต้น)
ผู้ซื้อประกันภัยมักประสบปัญหาในชื่อเรียกแบบความคุ้มครอง ชาวบ้านมักเรียกความคุ้มครองเป็นการประกันภัยชั้น 1 หรือประกันภัยชั้น 3 ซึ่งมักก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเนืองๆ เพราะไม่มีข้อกำหนดเป็นมาตรฐานว่าการประกันภัยชั้นไหนประกอบด้วยความคุ้มครองอะไรบ้างและที่สำคัญคือ ระดับวงเงินความคุ้มครองที่แตกต่างกันไปของแต่ละบริษัท
โดยทั่วไปการประกันภัยชั้นหนึ่งหมายถึง การซื้อความคุ้มครองโดยครอบคลุมถึงความคุ้มครองหลักทั้งสองส่วนโดยมีวงเงินความคุ้มครองเพียงพอทั้งตัวรถที่เอาประกันภัย และโดยเฉพาะส่วนที่คุ้มครองความรับผิดชอบตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก ต้องมีวงเงินชดค่าสินไหมทดแทนต่อการเสียชีวิตต่อคนต่อครั้งและความเสียหายต่อทรัพย์สินของคนอื่นต่ออุบัติเหตุต่อหนึ่งครั้งที่เพียงพอต่อความรับผิดชดใช้ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะหากซื้อความคุ้มครองที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ความเสียหายส่วนที่เกินวงเงินความคุ้มครองก็จะตกเป็นภาระของผู้เอาประกันภัยหรือคนขับผู้ละเมิดที่จะต้องรับผิดชดใช้ต่อไป
รายละเอียดความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก
บริษัทผู้รับประกันภัยจะเข้ารับผิดชอบ ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอก หากความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกนั้น ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ซึ่งความคุ้มครองในส่วนนี้จะแบ่งเป็นดังนี้ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยซึ่งจะคุ้มครองความ รับผิดต่อความบาดเจ็บ มรณะ โดยบุคคลภายนอกที่ได้รับความคุ้มครองในส่วนนี้ จะรวมทั้งบุคคลที่อยู่ภายนอกรถยนต์คันเอาประกันภัย และบุคคลภายนอกที่โดยสารอยู่ในหรือกำลังขึ้น หรือกำลังลงจากรถยนต์คันเอาประกันภัย โดยจะคุ้มครองเฉพาะจำนวนเงินค่าเสียหายส่วนที่เกินกว่าจำนวนเงินสูงสุดตาม กรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พรบ.) ยกเว้น ผู้ขับขี่รถยนต์คันเอาประกันภัยในขณะเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งคู่สมรส บิดา มารดา บุตร ลูกจ้างในขณะปฏิบัติงานของผู้ขับขี่ความเสียหายต่อรถยนต์และทรัพย์สินบริษัทประกันภัยจะ รับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกตามความเสียหาย ที่แท้จริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย ยกเว้น เป็นทรัพย์สินของผู้ขับขี่รถยนต์คันเอาประกันภัยในขณะเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งคู่สมรส บิดา มารดา บุตรของผู้ขับขี่
ความคุ้มครองต่อตัวรถของผู้เอาประกัน
ความเสียหายต่อรถยนต์ความคุ้มครองต่อความ เสียหายต่อรถยนต์ โดยบริษัทประกันภัยจะชดเชยค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในระยะเวลาเอาประกันภัย รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องตกแต่ง หรือสิ่งที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ความเสียหายส่วนแรกเงื่อนไขของผู้เอา ประกันภัยจะเข้าร่วมรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นตามจำนวนเงินที่ระบุใน กรมธรรม์ สำหรับกรณีที่รถคันเอาประกันภัยเป็นฝ่ายก่อให้เกิดความเสียหายรถยนต์สูญหายไฟไหม้การสูญหายจะรวมถึง การสูญหายทั้งคัน สูญหายบางส่วน สูญหายจากการลักทรัพย์ของลูกจ้าง หรือบุคคลใดเป็นผู้ลักทรัพย์ก็ตาม การเสียหายของรถยนต์ที่เกิดจากไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็นการไหม้ด้วยตัวของมันเอง หรือเป็นการไหม้ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากสาเหตุอื่นใดก็ตาม
ความคุ้มครองบุคคลภายในรถ (ตามอนุสัญญาแนบท้าย)
อุบัติเหตุส่วนบุคคลคุ้มครองความบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุของผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารรถยนต์คันเอาประกันภัย หากความบาดเจ็บที่ได้รับเป็นผลให้บุคคลนั้นเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร หรือทุพพลภาพชั่วคราว โดยบริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองความบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุของบุคคลที่อยู่ในรถยนต์คันเอาประกันภัย หากความบาดเจ็บเป็นผลให้ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยบริษัทประกันภัยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ ค่าผ่าตัด ค่าโรงพยาบาล ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้การประกันตัวผู้ขับขี่กรณีที่ผู้เอาประกัน ภัย หรือผู้ขับขี่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย นำรถยนต์คันเอาประกันภัยไปใช้และเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นผลให้ถูกควบคุมตัวไว้ในคดีอาญา ทั้งในชั้นพนักงานสอบสวน พนักงาน อัยการ หรือศาล (จนถึงศาลฎีกา) โดยบริษัทต้องทำการประกันตัวผู้เอาประกันภัย หรือผู้ขับขี่โดยไม่ชักช้า ในวงเงินไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้
ตารางเปรียบเทียบความคุ้มครอง
ประโยชน์ของการประกันภัยรถยนต์
มีการกล่าวไว้ว่า “การทำประกันภัยรถยนต์นับเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการบริหารทรัพย์สิน” เพราะเป็นทางเลือกหลักในการลดความสูญเสียอันเนื่องมาจากอุบัติภัยหรือการสูญหายที่อาจเกิดต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน การทำประกันรถยนต์นั้นไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงต่อการสูญเสียลดลง แต่การประกันภัยรถยนต์จะช่วยชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น และไม่ทำให้แผนการบริหารการเงินของผู้ทำประกันภัยต้องสะดุดหรือเสียหาย ผู้รับประกันภัยจะเป็นผู้จ่ายค่าชดเชยรวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุตามความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ดังกล่าว ดังนั้นในการวางแผนและบริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพนั้น การประกันความเสี่ยงของทรัพย์สินต่างๆด้วยการประกันภัยจัดว่าเป็นวิธีบริหารความเสี่ยงที่มีรูปแบบเป็นสากลและสามารถไว้วางใจได้”
อย่างไรก็ตามก่อนการทำประกันภัยทุกประเภท ผู้เอาประกันต้องศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขในการทำประกันภัยอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้การทำประกันภัยเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ประกันภัยรถยนต์มีประโยชน์อย่างมากในด้านต่างๆ 3 ด้าน ได้แก่
- ด้านสังคม และประเทศชาติ
- ด้านบุคคล
- ด้านธุรกิจ
1.ต่อบุคคล ทำให้ผู้ที่มีเงินน้อยสามารถซื้อรถยนต์ใช้ได้ด้วยการผ่อนส่ง โดยผู้ขาย รถยนต์จะใช้วิธีให้ผู้ซื้อรถยนต์เอาประกันภัยรถยนต์คันนั้นกับผู้รับประกันภัย โดยผู้ขายรถยนต์เป็นผู้รับประโยชน์ และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้เอาประกันภัยว่ารถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้นั้นหากเกิดอุบัติเหตุได้รับความเสียหายก็จะได้รับการชดใช้จากผู้รับประกันภัย รวมทั้งความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สิน การบาดเจ็บต่อร่างกายทั้งของผู้ขับขี่รถยนต์และแก่บุคคลภายนอกด้วย เป็นการบรรเทาความเสียหาย เนื่องจากการใช้รถยนต์ได้ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับความสะดวกไม่ต้องเสียเวลากับการโต้แย้งถึงความผิดเมื่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เป็นฝ่ายผิด ทางผู้รับประกันภัยก็จะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายแทนให้ หากเป็นฝ่ายถูกทางผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยหรือทำการซ่อมแซมให้รถยนต์ ผู้เอาประกันภัยก่อนจนสามารถนำไปประกอบธุรกิจได้โดยไม่ต้องเสียเวลา และผู้รับประกันภัยก็จะเข้า สวมสิทธิ์ผู้เอาประกันภัยในการเรียกร้องค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัย จึงเป็นผลดีต่อผู้เอาประกันภัยโดยการดำเนินงานหรือการดำเนินธุรกิจไม่หยุดชะงักไปนาน
2.ต่อสังคมและประเทศชาติ
2.1 เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับสังคมและสังคมประเทศชาติ ทำให้สังคมมี หลักประกันความปลอดภัย มีความมั่นใจว่าเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแล้วก็จะได้รับการชดใช้ เพราะในทุกวันนี้คนที่มีความเป็นอยู่พอกินพอใช้ไปวันหนึ่งๆ ก็สะสมเงินได้ทีละเล็กละน้อย เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดภัยขึ้นจะเดือดร้อนมาก แต่เมื่อมีการเอาประกันภัยไว้ก็ทำให้อุ่นใจได้ว่าจะมีผู้ชดใช้ความเสียหายให้
2.2 เป็นการช่วยให้มีการระดมทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ และการระดมทุนนั้นจะสำเร็จได้ก็โดยการประหยัดของประชาชนในประเทศและนำเอาส่วนที่สะสมนั้นมาลงทุน การประกันภัยมีส่วนบังคับให้ประชาชนในชาติประหยัดทางอ้อม คือนำเอาเงินที่ทำมาหาได้ส่วนหนึ่งมาประกันภัยไว้กับผู้รับประกันภัยในรูปของเบี้ยประกันภัยเพื่อลดการเสี่ยงภัยที่จะเกิดหรือมีขึ้นในอนาคต แล้วผู้รับประกันภัยไปลงทุนหาดอกผลซึ่งเป็นการช่วยพัฒนาประเทศในการเพิ่มการ ลงทุนของประเทศ
2.3 นอกจากที่กล่าวมาทั้งสองข้อแล้วนั้น การประกันภัยยังจะช่วยในการส่งเสริม การลงทุนให้มีมากขึ้น คือทำให้คนกล้าลงทุนในการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม เนื่องจากไม่ต้องเกรงว่าทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจพาณิชย์และอุตสาหกรรมอยู่นั้นจะเสียหายทำให้สิ้นเนื้อประดาตัวเพราะได้ทำประกันภัยไว้แล้ว ผู้รับประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้อาชีพการค้าและ อุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจของชาติเจริญขึ้นได้
3. ต่อธุรกิจ การเกิดอุบัติเหตุครั้งหนึ่งๆ ทำให้เสียหายทั้งทรัพย์สินทั้งตัวรถ หรือแก่ บุคคลอื่นๆนั้นสามารถทำให้ธุรกิจที่ประกอบการอยู่เกิดความเสียหายทั้งด้านเวลา ทรัพย์สิน และการติดต่อประสานงาน ทำให้เจ้าของธุรกิจต้องประสบกับความผิดพลาดในการดำเนินงาน ดังนั้น เมื่อมีการประกันภัยรถยนต์จะช่วยให้
3.1 มีธุรกิจอีกประเภทหนึ่งเข้ามาดำเนินการในตลาด ซึ่งมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อน ไปกว่าธุรกิจอื่นๆ ซึ่งในบางประเทศ ธุรกิจประกันภัยรุ่งเรืองเท่าๆกับธนาคาร เมื่อมีธุรกิจประกันภัยมากขึ้นทำให้คนมีงานทำมากขึ้นและการครองชีพดีขึ้น
3.2 เกิดเสถียรภาพในการประกอบธุรกิจ ความมุ่งหมายของการลงทุนประกอบธุรกิจคือ กำไรกำไรจะไม่แน่นอนหากต้นทุนการผลิตไม่แน่นอน แต่หากมีการโอนความเสี่ยงภัยไปให้ผู้รับประกันภัย โดยเสียเบี้ยประกันภัยจำนวนหนึ่งตามที่ตกลงกันไว้ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตแน่นอนขึ้น การลงทุนก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้น
3.3 ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจ เมื่อผู้ลงทุนสามารถลดการ เสี่ยงภัย โดยการประกันภัยแล้วย่อมใช้ความสามารถและเวลาให้แก่การมุ่งหาผลกำไร ซึ่งวัตถุประสงค์ โดยตรงของการลงทุนเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ธุรกิจนั้น
เรียบเรียงโดย : Asn Broker
บทความที่เกี่ยวข้อง : Asn Broker Blog OK Nation , Asn Broker Exteen , Asn Broker BlogSpot , Asn Broker Blog
เครดิตจาก : wikipedia